Page 90 - คู่มือการปรับปรุงคุณภาพอากาศ By FlipMag.net
P. 90

หลักการแยกผู้ป่วยและป้องกันการแพร่กระจายเชื้อในสถานพยาบาล


                                                                                                 ี
                                                                      ื
                                 �
                      ผู้บริหารควรกาหนดนโยบายด้านการป้องกันการแพร่กระจายเช้อ ตลอดจนถึงการจัดให้มีการอบรมท่มีความเฉพาะ
                                                                                     ี
                                                                           ื
                                               ี
                                                       ิ
                                                                                                     �
                                                                                                           �
             กับงาน และมีการให้ข้อมูลละฟื้นฟูวิชาการท่ทันสมัยเพ่มเติมเป็นระยะอย่างต่อเน่อง นอกจากน้ควรจัดให้มีเอกสารคาแนะนา
                                        ั
                                    ่
                                             �
             สาหรบผู้ป่วยและผ้มาเยยมเกยวกบการทาความสะอาดมอ และสขอนามยทางเดนหายใจ/การปฏบัตเมอไอ (respiratory
               �
                                ี
                                ่
                            ู
                                    ี
                  ั
                                                         ื
                                                                                         ิ
                                                                            ิ
                                                                                           ิ
                                                                                             ื
                                                                                             ่
                                                                      ั
                                                                ุ
             hygiene/cough etiquette practices) และการใช้วิธีการป้องกันการแพร่กระจายของโรคติดเช้อในผู้ป่วยท่ทราบช่องทางการ
                                                                                              ี
                                                                                     ื
             แพร่กระจายเชื้อ (transmission - based precautions)
                                         ื
                                                                 ื
                      หลักการป้องกันการติดเช้อและควบคุมการแพร่กระจายเช้อในสถานพยาบาล (Isolation precautions) มีหลักการ
             (Siegel, Rhinehart, Jackson, Chiarello, & the Healthcare Infection Control Practice Advisory Committee, 2007) ดังน ี ้
                      Isolation Precautions หมายถึง การปฏิบัติเพ่อป้องกันการติดเช้อในการดูแลผู้ป่วยและควบคุมการแพร่กระจาย
                                                                        ื
                                                          ื
             เชื้อจากผู้ป่วยสู่ผู้ป่วย บุคคลากร ญาติ และสิ่งแวดล้อมรอบสถานพยาบาล โดยการใช้มาตรการต่างๆ เช่น การคัดกรองและ
             แยกผู้ป่วย การใช้อุปกรณ์ป้องกันร่างกายที่เหมาะสมกับช้องทางการแพร่กระจายเชื้อ ซึ่งประกอบด้วย 2 มาตรการ คือ
                      1.  Standard precautions หมายถึง การป้องกันการติดเช้อแบบมาตรฐาน มาตรการน้ใช้กับผู้ป่วยทุกคน
                                                                                              ี
                                                                       ื
                                                                                        ื
                                                                                               ี
                    ี
                                                          �
                                                               ื
             ทุกรายท่มารับบริการในสถานบริการสาธารณสุข โดยให้คานึงเบ้องต้นว่าผู้ป่วยทุกรายอาจจะมีเช้อโรค ท่สามารถติดต่อได้
             ทางเลือดและสารคัดหล่งจากร่างกายทุกชนิด ไม่คานึงถึงการวินิจฉัยของโรคหรือภาวะติดเช้อของผู้ป่วย เป็นการปฏิบัติเบ้องต้น
                                                                                                       ื
                                                   �
                                                                                 ื
                               ั
             เพื่อป้องกันการติดต่อของเชื้อโรคจากผู้ป่วยมาสู่บุคลากรทางการแพทย์ทั้งที่ทราบและไม่ทราบแหล่งที่หรือช่องทางการแพร่
                                  ี
             กระจายเชอ การปฏบตนใช้กบเลอดและสารคดหลังทกชนิด ยกเว้นเหงอไม่ว่าสารคดหล่งนนจะมเลอดปนหรอไม่กตาม
                                  ้
                                ิ
                                                                                ั
                                                  ั
                                        ื
                                                                      ่
                                                                      ื
                                                                                                    ื
                                     ั
                                                                                    ั
                      ้
                                                                                      ั
                              ิ
                                                        ุ
                                                                                                        ็
                      ื
                               ั
                                                                                           ี
                                                                                            ื
                                                      ่
                                                                                      ้
             รวมไปถึงการสัมผัสผิวหนังที่มีแผลและเยื่อบุต่าง ๆ โดยมีองค์ประกอบหลัก ๆ ดังต่อไปนี้
                        1.1   การท�าความสะอาดมือ (hand hygiene) ระหว่างการดูแลผู้ป่วย หลีกเลี่ยงการสัมผัสพื้นผิวของสิ่งของ
                                                    ื
                                                                                                     ี
             ท่อยู่ใกล้ผู้ป่วยเพ่อป้องกันมิให้มือเกิดการปนเปื้อนเช้อจุลชีพจากส่งแวดล้อม และป้องกันการแพร่กระจายเช้อจากมือท่ปนเปื้อน
                                                              ิ
               ี
                                                                                             ื
                          ื
                                                                                         ื
             ไปสู่ส่งแวดล้อม พบว่ามือของบุคลากรทางการแพทย์ท่ปนเปื้อนเช้อ VRE สามารถแพร่กระจายเช้อสู่อุปกรณ์ ของใช้และ
                  ิ
                                                        ี
                                                                 ื
               ิ
                                                                                                      ื
                                     ึ
             ส่งแวดล้อมรอบตัวผู้ป่วยได้ ซ่งหากมีการสัมผัสบ่อยจะท�าให้เกิดการปนเปื้อนเช้อได้มากข้น จากการศึกษาพบว่าเช้อจุลชีพ
                                                                                  ึ
                                                                           ื
             สามารถมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้เป็นเวลานาน ซึ่งแตกต่างกันไปตามชนิดของเชื้อ เช่น
                            - เชื้อ Parainfluenza virus มีชีวิตอยู่บนพื้นผิวเรียบได้นาน 10 ชั่วโมง อยู่บนเสื้อผ้าได้นาน 6 ชั่วโมง
                            - เชื้อ Noroviruses มีชีวิตอยู่บนพรมได้นานสุดถึง 12 วัน
                            - เชื้อ Hepatitis B virus มีชีวิตอยู่บนอิเล็คโตรดส�าหรับวัดคลื่นหัวใจได้นาน 7 วัน
                            - เชื้อ Clostridium difficile มีชีวิตอยู่บนพื้นได้นานถึง 5 เดือน
                            - เชื้อ Methicillin resistant staphylococcus aureus (MRSA) มีชีวิตอยู่บนพื้นที่แห้งได้นานสุดถึง
             9 สัปดาห์ และมีชีวิตอยู่บนพื้นลามิเนทพลาสติกได้นาน 2 วัน
                            - เช้อ Vancomycin resistant enterococcus (VRE) มีชีวิตอยู่บนเคาน์เตอร์ได้นานสุดประมาณ 2 เดือน
                                ื
                            - เชื้อ Acinetobactrer baumannii อยู่บนพื้นผิวที่แห้งได้นานถึง 4 เดือน
                                                                     ุ
                            การทาความสะอาดมอจงเป็นวิธท่มความสาคญทสดในการป้องกนการแพร่กระจายเชอโรคในสถาน
                                                                                ั
                                  �
                                                                                                 ื
                                                                                                 ้
                                                                    ่
                                                       ี
                                                        ี
                                              ื
                                                               �
                                                ึ
                                                                 ั
                                                                    ี
                                                         ี
             พยาบาลและลดการติดเชื้อในสถานพยาบาล (World Health Organization, 2009) เนื่องจากการแพร่กระจายเชื้อจ�านวน
             ไม่น้อยเกิดจากมือของบุคลากรท่มีเช้อโรคปนเปื้อนอยู่ โดยกาหนดให้ทาความสะอาดมือเม่อมือสกปรกอย่างเห็นได้ชัดด้วย
                                                                                   ื
                                                            �
                                       ี
                                          ื
                                                                    �
                ู
                    �
                 ั
                             �
             สบ่กบนาหรือด้วยนายาฆ่าเช้อกับน้า แต่ถ้ามอไม่เปื้อนอย่างเหนได้ชด สามารถท�าความสะอาดมอได้ด้วยการลบมือด้วย
                             ้
                                         �
                                                 ื
                    ้
                                    ื
                                                               ็
                                                                                          ื
                                                                   ั
                                                                                                    ู
             แอลกอฮอล์ ยกเว้นกรณีที่มือมีโอกาสสัมผัสกับสปอร์ เช่น เชื้อ C. difficile หรือ Bacillus anthracis ให้ล้างมือด้วยน�้ากับ
                                                                                                �
             สบ่หรือสบู่ยาฆ่าเช้อ เนองจากแอลกอฮอล์ คลอเฮกซิดีน ไอโอดอฟอร์และนายาฆ่าเชอชนดอ่นๆ ไม่สามารถทาลายสปอร์ของ
                ู
                                                                             ้
                                                                                 ิ
                                                                             ื
                                                                       �
                                                                       ้
                                                                                   ื
                               ่
                            ื
                               ื
                                                                      �
             เช้อเหล่าน้ได้ โดยการทาความสะอาดมือเมื่อ 1) ก่อนสัมผัสผู้ป่วย 2) ก่อนทากิจกรรมสะอาดหรือปราศจากเช้อ 3) หลังสัมผัส
                      ี
                                                                                                ื
                               �
               ื
             กับสิ่งคัดหลั่งหรือสิ่งสกปรก 4) หลังสัมผัสผู้ป่วย และ 5) หลังสัมผัสสิ่งแวดล้อมรอบตัวผู้ป่วย นอกจากนี้ควรท�าความสะอาด
             มือก่อนและหลังการถอดถุงมือ
                        1.2   การใส่สวมอุปกรณ์ป้องกันร่างกาย (personal protective equipment) ควรใส่อุปกรณ์ป้องกัน
             เมื่อปฏิบัติกิจกรรมกับผู้ป่วยที่บ่งชี้ว่าอาจมีการสัมผัสกับเลือด สิ่งคัดหลั่ง หรือสารน�้าจากร่างกายของผู้ป่วย โดยระมัดระวัง
             การปนเปื้อนเสื้อผ้าและผิวหนังระหว่างการถอดอุปกรณ์ป้องกันร่างกาย โดยปฏิบัติดังนี้
            86     คู่มือการปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในอาคารสถานพยาบาล
   85   86   87   88   89   90   91   92   93   94   95